วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โลกมันกว้างใหญ่ มากกว่าห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนะ


โลกมันกว้างใหญ่ ก็แค่ออกไปเปิดโลกซะ

หลายคน เถียงว่า search ดูรูปถ่ายสวยๆ ใน internet เอาก็ได้
หลายคน เถียงอีกว่า ดูวีดีโอจาก Youtube ก็ได้เห็นทุกมุมเลย 
หรือ จะอ่านจากรีวิวที่คนอื่นไป ก็ได้ข้อมูลแทบจะหมดทุกสิ่งอย่างละ

ช้าก่อน!!! จริงๆแล้ว ต้องโดนถามย้อนกลับไปว่า
การดูจากรูปภาพหรือวีดีโอหรือรีวิว กับ การไปเห็นด้วยตาตัวเอง
มันแตกต่างกันหลายประการมากมายนัก ดังนี้

1. 
ภาพและเสียง ที่ ได้เห็นและได้ยิน นั้น มันยังขาด บรรยากาศของสถานที่จริง
ทั้ง อุณหภูมิ แสงแดด กระแสลม และการจับต้องได้จริงจากการสัมผัส 

2.
การไปสถานที่จริง เราสามารถพบปะผู้คนที่อยู่แถวๆนั้น
ได้พูดคุยซักถามทั้ง นักท่องเที่ยว และ คนในท้องถิ่น
หรือ บางทีอาจจะได้ใช้ภาษาที่เราไม่ค่อยถนัด จนไปถึงภาษามือเลยก็มี

3.
เราจะได้ลิ้มรสความสนุกของการเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ
บางที่ไปยากเย็นเหลือเกิน บางที่ไปได้อย่างง่ายดาย

4.
เราอาจจะพบเจอกับ เพื่อนใหม่ ที่ชอบอะไรคล้ายๆกัน
หรือ อาจจะพบ คนรู้ใจ จากที่ๆเราไปก็ได้นะ

5.
เราจะได้เป็นคนบันทึกการเดินทางของเราด้วยตัวเองกับสถานที่เหล่านั้น
อาทิ เก็บรูปถ่ายสวยๆ, วาดรูปด้วยมือเราเอง, เก็บเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ
การถ่ายวีดีโอเพื่อบันทึกการเดินทาง

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ถึงเวลา...หาตัวเอง


ถึงเวลา ... หาตัวเอง 
by โยโย หนุ่มคิดบวก

คำถามหนึ่งที่เป็นคำถามที่ง่ายๆ แต่ตอบได้ยากมาก
" แท้จริงแล้ว เราอยากทำอะไร และเราอยากเป็นอะไรกันแน่ ??? "

เชื่อได้เลยว่า เป็นคำถามที่หลายๆคน ไม่สามารถตอบได้โดยทันที
และบางครั้ง ถึงมีเวลาให้กลับมาคิด ก็อาจจะไม่ได้คำตอบอะไรเลยเหมือนกัน

หลายคน ... ทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี จะให้ทำอะไรก็ดีไปหมด จนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอยากทำอะไร
หลายคน ... จำเป็นต้องทำงานที่ไม่ชอบ เพื่อที่จะหาเลี้ยงชีพให้อยู่รอด มีภาระเยอะแยะไปหมด
หลายคน ... ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร ก็เลยทำงานปัจจุบันไปก่อน หรือทำตามเพื่อน จนกว่าจะคิดได้
 หลายคน ... ต้องทำงานที่พ่อแม่พี่น้องบรรดามี ให้เขาทำ โดยความหวังดีของพวกเขาเหล่านั้น
แต่มีน้อยคน ... ที่รู้ว่าเขาชอบทำอะไร และเลือกที่จะทำสิ่งนั้นโดยไม่ลังเล และไม่ย่อท้อ

--------------------------------
 
คำถามต่อมา ที่เป็นคำถามง่ายๆ แต่ก็ตอบได้ยากอีกเช่นกัน 
" สิ่งที่ชีวิตของเราต้องการจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ เราเกิดมาเพื่ออะไร ??? "

จริงๆ คำถามนี้ คำตอบไม่ยากหรอก แต่เรามักหลงลืม และสับสนไปเองมากกว่า
ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ แน่นอนเลยว่า

ไม่ใช่ ... เกิดมาเพื่อ หาเงิน แต่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มีเงินเพียงพอกับที่ต้องการ
ไม่ใช่ ... เกิดมาเพื่อ สะสมสิ่งของที่ชื่นชอบ แต่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มีเงินเพียงพอ
ไม่ใช่ ... เกิดมาเพื่อ มีบ้านหลังใหญ่โต แต่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มีเงินเพียงพอที่จะซื้อ
 ไม่ใช่ ... เกิดมาเพื่อ ได้เป็นหัวหน้าตำแหน่งใหญ่โต แต่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้การยอมรับ
แต่มันคือ ... เกิดมาเพื่อ หาความสุข จากการได้ใช้ชีวิตต่างหากล่ะ

---------------------------------

แล้วคำถามถัดมาอีก ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญที่สุด  ก็คือ
" แล้วตัวของเราต้องทำอะไร เพื่อที่จะได้มา ซึ่งความสุข ที่แท้จริงละ ??? "

คำตอบก็คือ " ถึงเวลา ... ค้นหาตัวเอง " แล้วละ

แล้วเราจะค้นหาตัวเองได้อย่างไร มีวิธีการอย่างไรบ้าง
วิธีที่ง่ายที่สุด ทำได้โดย ใช้กระดาษ 2 แผ่น กับ ปากกาหรือดินสอ เพียง 1 แท่ง
ขอให้ไปในสถานที่ๆ ไม่มีการรบกวนจากคนอื่น ให้ได้ใช้ความคิดอย่างมีสติ

กระดาษแผ่นที่ 1 
- ขีดเส้นตรงแนวนอนเพื่อแบ่งกระดาษออกเป็น 10 ส่วนเท่าๆกัน 
- ให้เขียนสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข เลือกมา 10 อย่าง ให้ชิดด้านซ้ายของกระดาษ
- ให้เขียนทักษะที่จำเป็นต่อสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขแต่ละข้อ ทางด้านขวาของกระดาษ
- เลือกสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขที่สุดจากทั้ง 10 ข้อ มาเขียนเพียงข้อเดียว ด้านหลังกระดาษ
(นั่นแหละ คือ สิ่งที่คุณอยากทำที่สุด และ เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขที่สุดด้วย)

กระดาษแผ่นที่ 2
- ให้เรามาวิเคราะห์ตัวเอง และเขียนลงไปว่า เรามีทักษะอะไรบ้างในตอนนี้
เพื่อจะได้รู้ว่า เรายังขาดอะไร ถึงจะสามารถทำในสิ่งที่ดีที่สุดนั้นได้
- ให้เขียนว่า เราจะทำอย่างไร ถึงจะทำสิ่งที่เรามีความสุข และรับใช้คนให้ได้มากที่สุด
(เพื่อให้รู้ชัดว่า เป้าหมายที่เราควรจะไป จะได้ไปไม่ผิดทาง)

สุดท้าย 
- ก็ติดกระดาษทั้งสองแผ่นนี้ไว้ที่จุดที่เห็นได้ชัดเจน ในพื้นที่ของตัวเราเอง
- ยังไม่ต้องไปบอกใครว่าเราจะทำอะไร เพราะ อาจจะมีคนมาขัดขวางเราได้นะ
- ให้เริ่มทำไปทีละนิด เริ่มวันนี้และทำเดียวนี้ ไม่ต้องรอให้พร้อม ทำไปแก้ไขไป

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปลาที่แข็งแรงกว่า มักจะได้อยู่ด้านหน้าและได้อาหารทานก่อน


ปลาที่แข็งแรง มีสองความหมาย
1. แข็งแรงทางกายภาพ นั่นคือ ตัวใหญ่ ว่ายได้ไว รวดเร็ว เป็นต้น
2. แข็งแรงทางมโนภาพ นั่นคือ มีความฉลาดปราดเปรือง รู้ว่าต้องทำอะไร

รูปนี้ ถ่ายที่ วังปลา จ.แม่ฮ่องสอน
สิ่งที่ผมได้เห็นและตระหนักรู้ ก็คือ จะมีปลาที่ได้กินอาหารก่อน จากการให้อาหารของนักท่องเที่ยว
ณ จุดที่อาหารปลาลงไปในน้ำ จะมีปลาอยู่แค่กลุ่มหนึ่ง ที่ได้กินก่อน กินจะอิ่ม แล้วค่อยออกไป

ผมมาวิเคราะห์เล่นๆ ถ้าเอาความรู้ที่มี ด้านการจัดการจาก MBA ที่ได้เรียนมา
สิ่งที่ทำให้ปลากลุ่มหนึ่ง ได้ทานอาหารก่อนปลาอีกหลายๆตัว ก็คือ

1. ทำเล 
>> ถ้าว่ายใกล้ๆ จุดที่มีการให้อาหารปลาบ่อยๆ ยังไงก็มีโอกาสมากกว่าตัวอื่น
การเลือกทำเลของปลา อาจจะเป็นประสบการณ์ เพราะปลาไม่มีการทำสถิติแบบมนุษย์
>> เหมือนกับการทำธุรกิจของเรา ถ้าเลือกทำเลดี ก็มีโอกาศได้ลูกค้าเยอะกว่า
เพราะ คนเรามีนิสัยรักสบาย เอาที่สะดวกว่า ดังนั้น จุดที่ใกล้ๆกับจุดขายอาหารปลา
มักจะเป็นจุดที่คนจะโยนอาหารปลาลงไปบริเวณนั้นๆ

2. ต้องมีคุณบัติที่เหมาะสม
>> ปลาที่มีคุณสมบัติทางกายภาพ และ มโนภาพ ที่ดีกว่า มักจะได้เข้าถึงอาหารก่อน
>> คนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกว่า มักจะได้ไปถึงความสำเร็จก่อนคนอื่นๆ เฉกเช้นเดียวกัน

3. หาพันธมิตร ร่วมกันไปสู่เป้าหมาย
>> จุดที่คนจะให้อาหารปลา มักจะเป็นจุดที่ต้องมีปลาว่ายอยู่บริเวณพอสมควร
นั่นคือ ถ้ามีปลานั้นในแถวๆนั้น เขาก็อาจจะไม่โยอาหารให้ก็เป็นไปได้
ยิ่งจุดไหนที่มีปลาชุม คนยิ่งอยากให้อาหารปลาตรงนั้น 
เพื่อที่จะได้มองดูฝูงปลากำลังกินอาหารที่ตนเองนั้นให้ไป
>> เปรียบกับ คนที่สำเร็จ มักจะต้องมีเพื่อนร่วมทางที่ดีด้วยเสมอๆ
ไม่มีใครสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้โดยลำพัง ได้โดยง่าย
ดังนั้น การที่เรามีพันธมิตรในการประกอบกิจต่างๆ จึงเป็นการช่วยให้เราไปสู่ความสำเร็จได้





วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ยินดีที่ไม่รู้จัก


ยินดีที่ไม่รู้จัก
 
กับบางคน ... เห็นครั้งแรก ก็รู้สึกดีตั้งแต่แรกเห็น
กับบางคน ... เห็นครั้งแรก ก็ติดตาจดจำได้ยาวนาน
กับบางคน ... เห็นครั้งแรก ก็อดยิ้มไม่ได้โดยไม่มีสาเหตุ
กับบางคน ... เห็นครั้งแรก ก็ทำให้มีความสุขด้วยความยินดีแม้ไม่ได้รู้จักกัน





วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปราสาทเจดีย์สวรรค์ บนดินแดนของมนุษย์


จิตรกรรม ปฏิมากรรม และ สถาปัตยกรรม

แท้จริงแล้ว ศิลปะ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยสำหรับโลกมนุษย์

แต่ ศิลปะ จะช่วยจรรโลงและแสดงความเจริญของอารยธรรมมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย

นั่นเพราะ ผลงานศิลปะจะสะท้อนความนึกคิดของศิลปินในยุคสมัยนั้นๆ

แต่ก็มีหลายศิลปะ ที่ถูกครอบงำโดยศิลปะในยุคโบราณที่พวกเขาชื่นชอบ

ดังนั้น ศิลปะ ที่เราพบเจอกันทุกวันนี้ จะมีทั้งที่โดนครอบงำความคิดโดยสิ่งที่ศิลปินชอบ

และจะมีในแบบที่เกิดจากแรงบัลดานใจของศิลปิินคนนั้นเอง ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก

เรื่องนี้ แท้จริงก็เหมือนเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันของเราๆ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนหนึ่งคนทำ มักจะโดนอิทธิพลครอบงำจากอะไรบางอย่างเสมอ

ส่วนใหญ่จะเกิดจาก บุคคลที่เขาชอบ จากสิ่งที่เขาโปรดปราน

มีอยู้น้อยรายที่เกิดจาก การจำใจต้องทำเพราะความอยู่รอด และ อิทธิพลจากตัวเขาเอง

คนที่ทำงานโดยอิทธิพลจากตัวเขาเอง หรือ PASSION ในสิ่งที่เขาทำ

พวกเขามักจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ หรือโด่งดังในสังคม

ดั่งปราสาทเจดีย์สวรรค์ 7 ชั้น ดังรูปนี้ ที่เป็นแรงอิทธิพลจากความเชื่อทางศาสนา

จึงผลักดันให้เกิดการก่อสร้างสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างนี้บนโลกใบนี้

ดังนั้น หา PASSAION ของตัวคุณเองให้เจอ แล้วใช้ชีวิตตามความสุขนั้นซะ

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กฏแห่งยักษ์ที่หลับไหล


ยักษ์ เปรียบเปรยได้กับ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่

กฏความจริงแห่งจักรวาลข้อหนึ่งที่หลายคนรู้แต่มักหลงลืมและมองข้าม
นั่นคือ ทุกคนมี ยักษ์ ที่หลับไหล อยู่ในตัวเองเสมอ

 ยกตัวอย่างเช่น 
คนที่มีรูปร่างผอมบาง แต่สามารถยกตู้เย็นออกมาได้โดยลำพัง ขณะหนี้ไฟไหม้
คนอ้วนที่ไม่เคยออกกำลังกาย วิ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อโดนสุนัขไล่กัด
คนที่ต่อสู้ชีวิต ตั้งแต่ติดลบเป็นหนี้สิน จนกลายเป็นมหาเศรษฐี
คนที่ชนะการแข่งขัน ทั้งๆที่เสียเปรียบคู่แข่งขัน

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นแค่ตัวอย่างเพื่อให้พอเห็นภาพว่า
ทุกคนบนโลกนี้ มีพลังแฝงที่ใหญ่ยิ่งอยู่อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ในภาพยนต์ Super Hero

สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อกฏแห่งยักษ์ที่หลับไหล
 นั่นเพราะ ยิ่งเราศึกษาชีวประวัติบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกหลายต่อหลายคน
สิ่งที่มีเหมือนกันคือ การต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรค์ ที่ดูจะโหดร้ายเสียเหลือเกิน
แต่ท้ายสุด พวกเขาก็ใช้พลังที่หลับไหล และผ่านมันมาจนถึงเส้นชัยของพวกเขา
ถ้ายกตัวอย่างคงจะหลายท่านพอสมควร ทั้งคนต่างชาติ และคนไทยเอง
นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่า เราทุกคนมีพลังที่ยิ่งใหญ่หลับไหลอยู่
เราทุกคนมียักษ์ที่ยังพักผ่อน ซุกซ่อนอยู่ภายใน รอเวลาให้เราไปปลุกให้ตื่น

สุดท้ายนี้ ชีวิตคนเรามันแสนสั้น เวลาเรามีอย่างจำกัด
สิ่งที่จะทำให้เรามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ 
- ไม่ใช่ ชื่อ-นามสกุล บนหลุมศพ
- ไม่ใช่ ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่คนอื่นมอบให้
- ไม่ใช่ บ้านหลังโต รถคันงาม หรือ สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่

แต่มันคือ ตัวตน ของคุณ ที่ผ่านออกมาจาก ผลงาน อะไรบางอย่าง
ที่ซึ่ง ก่อประโยชน์ให้คนอื่นๆ บนโลกใบนี้ เพียงเท่านั้นเอง